คำว่า LAN Segmentation นั้นเป็นคำศัพท์ที่ติดมาจากยุคแรกๆ ของการมีระบบเน็ตเวิร์กที่สมัยนั้นยังมีการใช้สายโคแอกเซียล (coaxial cable) แบบ 10BASE2 และสายิีเทอร์เน็ตอย่างหนา (Thick ethernet) แบบ 10BASE5 โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันบนสายโคแอกเชียลชุดเดียวกันโดยใช้หัวต่อแบบ BNC จะถูกเรียกว่า เชื่อมต่อกันบน "เซกเมนต์" เดียวกัน และเมื่อหมดยุคของ 10BASE2 เข้ามาสู่ยุคความรุ่งเรืองของ 10BASET ซึ่งใช้สาย UTP ต่อจากฮับ (hub) ลากเข้ามายังแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ คำศัพท์ว่าเซกเมนต์นี้ก็ยังถูกนำมาใช้อยู่ โดยในคราวนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับฮับตัวเดียวกันจะถูกเรียกว่าอยู่ภายใน"เซกเมนต์" เดียวกัน สาเหตุที่ยังเรียกว่า "เซกเมนต์" อยู่ก็เพราะ ภายในฮับมี Backplane หรือบัสหลักภายในที่ทุกๆ พอร์ตยังต้องคอนเน็กเข้ามาและสื่อสารกันบน Backplane เดียวกัน
ดังแสดงในรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่บนฮับตัวเดียวกันจะถือว่าอยู่ภายใต้ Collision Domain เดียวกัน เครื่องที่อยู่ใน collision Domain เดียวกันมีโอกาสที่จะส่งเฟรมมาชนกันได้หากมีเครื่องอื่นส่งเฟรมมาพร้อมๆ กัน ตามอัลกอริทึมของ CSMA/CD ที่ใช้ในโลกของอีเทอร์เน็ตเน็ตเวิร์ก
เมื่อคุณแบ่งเน็ตเวิร์กออกด้วยการใช้บริดจ์ / สวิตซ์ หรือเร้าเตอร์เข้ามาแทรกตรงกลาง ขณะนั้นเรียกว่าคุณกำลังแบ่ง "เซกเมนต์" ออกเป็น "เซกเมนต์" ย่อยๆ 2 เซกเมนต์ อุปกรณ์ที่สามารถแบ่งซอยเน็ตเวิร์กออกเป้นเซกเมนต์ย่อยๆ ได้ ได้แก่บริดจ์และเร้าเตอร์
สำหรับการเชื่อมต่อผ่านบริดจ์ / สวิตซ์ เครื่องแต่ละเครื่องที่อยู่คนละด้านของบริดจ์ / สวิตซ์จะอยู่ต่าง Collision Domain กัน และจะไม่มีโอกาสส่งเฟรมมาชนกันได้ อย่างไรก็ดี ทุกๆ พอร์ตของบริดจ์ยังถือว่าอยู่ภายใต้ Brasdcast Domain เดียวกัน Broadcast Domain เดียวกันหมายความว่า เมื่ใดก็ตามที่มีเครื่องใดเครื่องหนึ่งส่งบรอดคาสต์เฟรมออกมา บรอดคาสต์เฟรมดังกล่าวจะถูกแพร่กระจายออกไปที่ทุกๆ พอร์ตของอุปกรณ์บริดจ์ / สวิตซ์ ดังแสดงในรูปถัดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น