Scalability หมายถึง เน็ตเวิร์กที่ออกแบบขึ้นมาสามารถรองรับการขยายตัวหรือเติบโตได้มากน้อยเพียงใด องค์กรขนาดใหญ่กำลังเพิ่มปริมาณผู้ใช้ที่ต้องใช้งานระบบเน็ตเวิร์ก แอปพลิเคชันบนเน็ตเวิร์กที่กำลังเพิ่มขึ้น ไซต์สาขาที่เพิ่มเติม และเน็ตเวิร์กคอนเน็กชันที่เชื่อมต่อไปยังภายนอกที่ขยายตัวขึ้น เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการออกแบบให้มี Scalability
ถ้าเป็นไปได้ ในฐานะผู้ออกแบบเน็ตเวิร์กให้กับลูกค้า เราควรถามลูกค้าเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ ตัวอย่างคำถามที่ควรถามเช่น จะมีไซต์เพิ่มขึ้นหรือไม่ในปีถัดไปหรืออีกสองปีถัดไป,เน็ตเวิร์กที่ไซต์ใหม่ (ถ้ามี) จะต้องรองรับปริมาณผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน ในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า จะมีผู้ใช้ที่ต้องเข้าถึงเน็ตเวิร์กที่ส่วนกลางมาน้อยแค่ไหน และจะมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์หรือโฮสต์ถูกเพิ่มเข้าไปในเน็ตเวิร์กทั้งหมดมากน้อยแค่ไหนในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า
การทำให้บรรลุเป้าหมายนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อาจต้องมีกระบวนการอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่น การวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเน็ตเวิร์กให้เมหาะสม การวิเคราะห์ลักษณะของแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่และกำลังจะใช้ และการเลือกอุปกรณ์เน็ตเวิร์กที่สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมโมดูลต่างๆ ได้ในภายหลังโดยสะดวก
ตัวอย่างหนึ่งของการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเน็ตเวิร์กที่อาจเป็นอุปสรรคต่อ Scalability ได้แก่
- การไม่ได้แบ่ง VLAN ไว้ตั้งแต่แรกบนสวิตซ์เน็ตเวิร์ก คือยังคงใช้งานแบบ Flat Network อยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับ Scalability ได้ในกรณีที่มีปริมาณผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น และดดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแอปพลิเคชั่นของผู้ใช้หรือเน็ตเวิร์กแอปพลิเคชันมีการส่งบรอดคาสต์เฟรมออกมามาก (เพราะสวิตซ์เลเยอร์ 2 จะส่งบรอดคาสต์เฟรมออกไปที่ทุกๆ พอร์ต ทุกๆ เซ็กเมนต์ที่มันเชื่อมต่ออยู่)
- การใช้งานโปรโตคอลที่มีการส่งบรอดคาสต์เฟรมออกมาค่อนข้างมาก ได้แก่ โปรโตคอลที่ใช้กันในระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์รุ่นเก่าๆ ได้แก่ โปรโตคอล NetBEUI เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น