o

o

วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ความสามารถในการรองรับการเพิ่มขยายได้ในอนาคต (ScalabilitY)


Scalability หมายถึง เน็ตเวิร์กที่ออกแบบขึ้นมาสามารถรองรับการขยายตัวหรือเติบโตได้มากน้อยเพียงใด  องค์กรขนาดใหญ่กำลังเพิ่มปริมาณผู้ใช้ที่ต้องใช้งานระบบเน็ตเวิร์ก  แอปพลิเคชันบนเน็ตเวิร์กที่กำลังเพิ่มขึ้น  ไซต์สาขาที่เพิ่มเติม  และเน็ตเวิร์กคอนเน็กชันที่เชื่อมต่อไปยังภายนอกที่ขยายตัวขึ้น  เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการออกแบบให้มี Scalability 
     ถ้าเป็นไปได้  ในฐานะผู้ออกแบบเน็ตเวิร์กให้กับลูกค้า  เราควรถามลูกค้าเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้  ตัวอย่างคำถามที่ควรถามเช่น  จะมีไซต์เพิ่มขึ้นหรือไม่ในปีถัดไปหรืออีกสองปีถัดไป,เน็ตเวิร์กที่ไซต์ใหม่ (ถ้ามี) จะต้องรองรับปริมาณผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน  ในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า จะมีผู้ใช้ที่ต้องเข้าถึงเน็ตเวิร์กที่ส่วนกลางมาน้อยแค่ไหน  และจะมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์หรือโฮสต์ถูกเพิ่มเข้าไปในเน็ตเวิร์กทั้งหมดมากน้อยแค่ไหนในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า

    การทำให้บรรลุเป้าหมายนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก  อาจต้องมีกระบวนการอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  อย่างเช่น  การวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเน็ตเวิร์กให้เมหาะสม  การวิเคราะห์ลักษณะของแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่และกำลังจะใช้  และการเลือกอุปกรณ์เน็ตเวิร์กที่สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมโมดูลต่างๆ ได้ในภายหลังโดยสะดวก
     ตัวอย่างหนึ่งของการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเน็ตเวิร์กที่อาจเป็นอุปสรรคต่อ Scalability ได้แก่
  • การไม่ได้แบ่ง VLAN ไว้ตั้งแต่แรกบนสวิตซ์เน็ตเวิร์ก คือยังคงใช้งานแบบ Flat Network อยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับ Scalability ได้ในกรณีที่มีปริมาณผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น  และดดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแอปพลิเคชั่นของผู้ใช้หรือเน็ตเวิร์กแอปพลิเคชันมีการส่งบรอดคาสต์เฟรมออกมามาก (เพราะสวิตซ์เลเยอร์ 2 จะส่งบรอดคาสต์เฟรมออกไปที่ทุกๆ พอร์ต ทุกๆ เซ็กเมนต์ที่มันเชื่อมต่ออยู่)
  • การใช้งานโปรโตคอลที่มีการส่งบรอดคาสต์เฟรมออกมาค่อนข้างมาก  ได้แก่ โปรโตคอลที่ใช้กันในระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์รุ่นเก่าๆ ได้แก่ โปรโตคอล NetBEUI เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น